Netezza Common Netezza {current_db} {current_db} {current_user} {current_user} {session_user} {session_user} ascii ( string_expression ) ส่งคืนจำนวนที่แทนค่ารหัส ASCII ของอักขระด้านซ้ายสุดของ "string_expression" ตัวอย่างเช่น ascii ( 'A' ) คือ 65 add_months ( date_expression , integer_expression ) ส่งคืนวันที่เวลาที่เป็นผลลัพธ์จากการบวก "integer_expression" เดือนเข้ากับ "date_expression" ceil ( numeric_expression ) ส่งคืนจำนวนเต็มที่น้อยที่สุดที่มากกว่าหรือเท่ากับ "numeric_expression" char_length ( string_expression ) ส่งคืนจำนวนของอักขระใน "string_expression" chr ( integer_expression ) ส่งคืนอักขระที่มีค่ารหัส ASCII ที่ระบุโดย "integer_expression" "Integer_expression" ควรอยู่ระหว่าง 0 และ 255 decode ( expr , search , result [ , search , result]... [ , default] ) เปรียบเทียบ "expr" กับแต่ละค่าที่ค้นหาทีละค่า ถ้า "expr" เท่ากับการค้นหา ดังนั้นจะส่งคืนผลลัพธ์ที่สอดคล้อง ถ้าไม่พบที่ตรงกัน จะส่งคืน "default" ถ้าตัด "default" ออก จะส่งคืนค่า null initcap ( string_expression ) ส่งคืน "string_expression" ที่มีอักขระแรกของแต่ละคำที่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่และตัวอักษรอื่นทั้งหมดเป็นตัวพิมพ์เล็ก คำจะถูกคั่นด้วยช่องว่างหรืออักขระที่ไม่ใช่ตัวอักษรผสมตัวเลข instr ( string_expression1 , string_expression2 [ , integer_expression1 [ , integer_expression2 ] ] ) ค้นหา "string_expression1" ที่เริ่มต้นที่ตำแหน่ง "integer_expression1" สำหรับ "integer_expression2" ที่ปรากฏของ "string_expression2" ถ้า "integer_expression1" เป็นลบ ดังนั้นการค้นหาจะย้อนกลับจากท้ายของ "string_expression1" ส่งคืนจำนวนเต็มที่ระบุตำแหน่งของ "string_expression2" lpad ( string_expression1 , integer_expression [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่ต่อกับความยาว "integer_expression" ที่มี "string_expression2" ปรากฏอยู่ ถ้า "string_expression1" ยาวกว่า "integer_expression" จะส่งคืนส่วนของ "string_expression1" ที่เหมาะสม ltrim ( string_expression1 [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่ลบอักขระนำหน้าออกจนถึงอักขระตัวแรกที่ไม่อยู่ใน "string_expression2" ตัวอย่างเช่น ltrim ( 'xyxXxyAB' , 'xy' ) จะส่งคืน XxyAB months_between ( date_expression1 , date_expression2 ) ส่งคืนจำนวนของเดือนจาก "date_expression1" ถึง "date_expression2". ถ้า "date_expression1" อยู่หลังจาก "date_expression2" ดังนั้นผลลัพธ์จะเป็นจำนวนบวก ส่งของวันและเวลาของความแตกต่างจะถูกข้าม เช่น เดือนจะไม่ถูกปัดเศษ ยกเว้นถ้า "date_expression1" และ "date_expression2" เป็นวันสุดท้ายของเดือน next_day ( datetime_expression , string_expression ) ส่งคืนวันที่เวลาของสัปดาห์แรกที่ระบุชื่อโดย "string_expression" ที่ใหม่กว่า "datetime_expression" ส่งคืนค่าที่มีชั่วโมง นาที และวินาทีเหมือนกับ "datetime_expression" nls_initcap ( string_expression1 [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่มีอักขระแรกของแต่ละคำที่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่และตัวอักษรอื่นทั้งหมดเป็นตัวพิมพ์เล็ก คำจะถูกคั่นด้วยช่องว่างหรืออักขระที่ไม่ใช่ตัวอักษรผสมตัวเลข "String_expression2" ระบุลำดับของการเรียงลำดับ nls_lower ( string_expression1 [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่มีตัวอักษรทั้งหมดเป็นตัวพิมพ์เล็ก "String_expression2" ระบุลำดับของการเรียงลำดับ nls_upper ( string_expression1 [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่มีตัวอักษรทั้งหมดเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ "String_expression2" ระบุลำดับของการเรียงลำดับ nvl ( expression1 , expression2 ) ส่งคืนค่าของ "expression1" ถ้า "expression1" ไม่ใช่ NULL ถ้า "expression1" เป็น NULL ดังนั้นจะส่งคืนค่าของ "expression2" ตัวอย่าง: nvl ( [Unit sale price] , 0 ) ผลลัพธ์: ส่งคืนราคาขายต่อหน่วย หรือส่ง 0 ถ้าราคาขายต่อหน่วยเป็น NULL round ( numeric_expression [ , integer_expression ] ) ส่งคืน "numeric_expression" ที่ปัดเศษเป็นค่าที่ใกล้เคียง "integer_expression" ตำแหน่งที่อยู่ทางขวาของจุดทศนิบยมที่สุด ถ้า "integer_expression" เป็นค่าลบ ดังนั้น "numeric_expression" จะถูกปัดเศษให้ใกล้เคียงกับค่าสัมบูรณ์ "integer_expression" ตำแหน่งทางซ้ายของจุดทศนิยม เช่น round (125, -1) จะปัดเป็น 130 {user} { user } ส่งคืนชื่อผู้ใช้ของผู้ใช้ Netezza ปัจจุบัน rpad ( string_expression1 , integer_expression [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่ต่อกับความยาว "integer_expression" ที่มี "string_expression2" ปรากฏอยู่ ถ้า "string_expression1" ยาวกว่า "integer_expression" จะส่งคืนส่วนของ "string_expression1" ที่เหมาะสม ถ้าไม่ได้ระบุ "string_expression2" ดังนั้นจะใช้ช่องว่าง rtrim ( string_expression1 [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่ลบอักขระตัวสุดท้ายหลังจากอักขระตัวสุดท้ายที่ไม่อยู่ใน "string_expression2" เช่น rtrim ( 'ABxXxyx' , 'xy' ) จะส่งคืน ABxX ถ้าไม่ได้ระบุ "string_expression2" อักขระช่องว่างตัวสุดท้ายจะถูกลบออก sign ( numeric_expression ) ส่งคืนตัวบ่งชี้ของเครื่องหมายของ "numeric_expression": +1 ถ้าเป็นบวก 0 ถ้าเป็นศูนย์ หรือ -1 ถ้าเป็นลบ substr ( string_expression , integer_expression1 [ , integer_expression2 ] ) ส่งคืนสตริงย่อยของ "string_expression" ที่เริ่มต้นที่ตำแหน่ง "integer_expression1" อักขระแรกใน "string_expression" อยู่ม่ตำแหน่ง 1 สามารถใช้ "Integer_expression2" เพื่อเลือกอักขระที่น้อยกว่า โดยดีฟอลต์ จะเลือกอักขระจนถึงตอนท้ายของสตริง substrb ( string_expression , numeric_expression1 [ , numeric_expression2 ] ) ส่งคืนสตริงย่อยของ "string_expression" ที่เริ่มต้นที่ตำแหน่ง "numeric_expression1" ที่แสดงเป็นไบต์ อักขระแรกใน "string_expression" อยู่ที่ตำแหน่ง 1 "Integer_expression2" สามารถใช้เพื่อเลือกไบต์ที่น้อยกว่า โดยดีฟอลต์จะเลือกไบต์จนถึงท้ายของสตริง to_char ( expression [ , string_expression ] ) ส่งคืนสตริงที่แทน "expression" ที่มีรูปแบบของ "string_expression" "Expression" สามารถเป็นค่าวันที่หรือค่าที่เป็นตัวเลข to_date ( expression1 , string_expression2 ) แปลง "expression1" เป็นค่า date ตามที่ระบุโดยรูปแบบ "string_expression2" อาร์กิวเมนต์แรก "expression1" อาจเป็นชนิดสตริงหรือตัวเลข to_date ( '2013-02-27' , 'YYYY-MM-DD' ) ผลลัพธ์: ส่งคืน date ที่มีค่า '2013-02-27' date_trunc ( string_expression1 , date_expression1 ) ตัดทอน "date_expression1" เป็นค่าตามที่ระบุโดยรูปแบบ "string_expression1" date_part ( string_expression1 , date_expression1 ) ส่งคืนค่า "string_expression1" จาก "date_expression1" ส่งคืนค่า "string_expression1" ของเวอร์ชันของฐานข้อมูล version () แปลง "string_expression1" เป็นค่าตัวเลขตามที่ระบุโดยรูปแบบ "string_expression2" to_number ( string_expression1 , string_expression2 ) แปลง "string_expression1" เป็นค่าเวลาประทับตามที่ระบุโดยรูปแบบ "string_expression2" to_timestamp ( string_expression1 , string_expression2 ) translate ( string_expression1 , string_expression2 , string_expression3 ) ส่งคืน "string_expression1" ที่มีอักขระแต่ละตัวที่ปรากฏใน "string_expression2" ทั้งหมดที่ถูกแทนด้วยอักขระที่สอดคล้องใน "string_expression3" trunc ( numeric_expression1 [ , numeric_expression2 ] ) ตัดทอนหลักจาก "numeric_expression1" โดยใช้ "numeric_expression2" เป็นความแม่นยำ