Oracle Common Oracle add_months ( date_expression , integer_expression ) ส่งคืนวันที่เวลาที่เป็นผลลัพธ์จากการบวก "integer_expression" เดือนเข้ากับ "date_expression" ceil ( numeric_expression ) ส่งคืนจำนวนเต็มที่น้อยที่สุดที่มากกว่าหรือเท่ากับ "numeric_expression" char_length ( string_expression ) ส่งคืนจำนวนของอักขระแบบโลจิคัลใน "string_expression" จำนวนของอักขระแบบโลจิคัลสมารถต่างจากจำนวนของไบต์ในบางโลแคล East Asian chr ( integer_expression ) ส่งคืนอักขระที่มีค่ารหัส ASCII ที่ระบุโดย "integer_expression" "Integer_expression" ควรอยู่ระหว่าง 0 และ 255 concat ( string_expression1 , string_expression2 ) ส่งคืนสตริงที่เป็นผลลัพธ์ของการรวม "string_expression1" กับ "string_expression2" ตัวอย่าง: concat ( [Sales (query)].[Sales staff].[First name], [Sales (query)].[Sales staff].[Last name] ) ผลลัพธ์: ส่งคืนชื่อและนามสกุล เช่น Bob Smith decode ( expression , search , result [ , search , result ]... [ , default ] ) เปรียบเทียบ "expression" กับค่าที่ค้นหาแต่ละค่าทีละค่า ถ้า "expression" เท่ากับการค้นหา ดังนั้นจะส่งคืนผลลัพธ์ที่สอดคล้อง ถ้าไม่พบค่าที่ตรงกัน จะส่งคืน "default" หรือถ้าตัด "default" ออก จะส่งคืนค่า null dump ( expression [ , numeric_expression1 [ , numeric_expression2 [ , numeric_expression3 ] ] ] ) ส่งคืนการแทน "expression" ภายในด้วยรูปแบบของ "numeric_expression1" เริ่มต้นจากตำแหน่ง "numeric_expression2" สำหรับ "numeric_expression3" อักขระ greatest ( expression_list ) ส่งคืนค่าที่มากที่สุดใน "expression_list" initcap ( string_expression ) ส่งคืน "string_expression" ที่มีอักขระแรกของแต่ละคำที่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่และตัวอักษรอื่นทั้งหมดเป็นตัวพิมพ์เล็ก คำจะถูกคั่นด้วยช่องว่างหรืออักขระที่ไม่ใช่ตัวอักษรผสมตัวเลข instr ( string_expression1, string_expression2 [ , integer_expression1 [ , integer_expression2 ] ] ) ค้นหา "string_expression1" ที่เริ่มต้นที่ตำแหน่ง "integer_expression1" สำหรับ "integer_expression2" ที่ปรากฏของ "string_expression2" ถ้า "integer_expression1" เป็นลบ ดังนั้นการค้นหาจะย้อนกลับจากท้ายของ "string_expression1" ส่งคืนจำนวนเต็มที่ระบุตำแหน่งของ "string_expression2" instrb ( string_expression1, string_expression2 [ , integer_expression1 [ , integer_expression2 ] ] ) ค้นหา "string_expression1" ที่เริ่มต้นที่ตำแหน่ง "integer_expression1" สำหรับ "integer_expression2" ที่ปรากฏของ "string_expression2" ถ้า "integer_expression1" เป็นลบ ดังนั้นการค้นหาจะย้อนกลับจากท้ายของ "string_expression1" ส่งคืนค่าบวก (หมายเลขไบต์) ที่พบ "string_expression2" least ( expression_list ) ส่งคืนค่าที่น้อยที่สุดใน "expression_list" length ( string_expression ) ส่งคืนจำนวนของอักขระใน "string_expression" lengthb ( string_expression ) ส่งคืนจำนวนของไบต์ใน "string_expression" lpad ( string_expression1, integer_expression [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่ต่อเข้ากับด้านซ้ายถึงความยาวที่กำหนดโดย "integer_expression" ที่มี "string_expression2" ปรากฏอยู่ ถ้า "string_expression1" ยาวกว่า "integer_expression" จะส่งคืนส่วนของ "string_expression1" ที่เหมาะสม ltrim ( string_expression1 [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่ลบอักขระนำหน้าจนถึงอักขระตัวแรกที่ไม่อยู่ใน "string_expression2" ตัวอย่าง: ltrim ( 'xyxXxyAB' , 'xy' ) ผลลัพธ์: XxyAB months_between ( date_expression1 , date_expression2 ) ส่งคืนจำนวนของเดือนจาก "date_expression1" ถึง "date_expression2". ถ้า "date_expression1" อยู่หลังจาก "date_expression2" ดังนั้นผลลัพธ์จะเป็นจำนวนบวก ส่วนของวันและเวลาของความแตกต่างจะถูกข้าม ดังนั้น เดือนจะไม่ถูกปัดเศษยกเว้น "date_expression1" และ "date_expression2" เป็นวันสุดท้ายของเดือน new_time ( datetime_expression , old_timezone , new_timezone ) ส่งคืนวันที่เวลาใน "new_timezone" สำหรับ "datetime_expression" ใน "old_timezone" "Old_timezone" และ "new_timezone" สามารถเป็น 'AST', 'ADT', 'BST', 'BDT', 'CST', 'CDT', 'EST', 'EDT', 'HST', 'HDT', 'MST', 'MDT', 'NST', 'PST', 'PDT', 'YST' หรือ 'YDT' next_day ( datetime_expression , string_expression ) ส่งคืนวันที่เวลาของสัปดาห์แรกที่ระบุชื่อโดย "string_expression" ที่ใหม่กว่า "datetime_expression" ค่าที่ส่งคืนมีรูปแบบเดียวกับ "datetime_expression" nls_initcap ( string_expression1 [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่มีอักขระแรกของแต่ละคำที่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่และตัวอักษรอื่นทั้งหมดเป็นตัวพิมพ์เล็ก คำที่เริ่มต้นหลังจากอักขระใดๆ อักขระอื่นที่ไม่ใช้ตัวอักษร ดังนั้น นอกจากช่องว่างแล้ว สัญลักษณ์เช่น เครื่องหมายคอมมา จุด และโคลอนสามารถใช้ในคำใหม่ได้ "String_expression2" ระบุลำดับของการเรียงลำดับ nls_lower ( string_expression1 [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่มีตัวอักษรทั้งหมดเป็นตัวพิมพ์เล็ก "String_expression2" ระบุลำดับของการเรียงลำดับ nls_upper ( string_expression1 [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่มีตัวอักษรทั้งหมดเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ "String_expression2" ระบุลำดับของการเรียงลำดับ nvl ( expression1 , expression2 ) ส่งคืนค่าของ "expression1" ถ้า "expression1" ไม่ใช่ NULL ถ้า "expression1" เป็น NULL ดังนั้นจะส่งคืนค่าของ "expression2" ตัวอย่าง: nvl ( [Unit sale price] , 0 ) ผลลัพธ์: ส่งคืนราคาขายต่อหน่วย หรือส่ง 0 ถ้าราคาขายต่อหน่วยเป็น NULL ascii ( string_expression ) ส่งคืนตัวเลขที่แทนค่ารหัส ASCII ของอักขระที่อยู่ซ้ายสุดของ "string_expression" ตัวอย่าง: ascii ( 'A' ) ผลลัพธ์: ส่งคืน '65' round ( numeric_expression [ , integer_expression ] ) ส่งคืน "numeric_expression" ที่ปัดเศษเป็นค่าที่ใกล้เคียง "integer_expression" ตำแหน่งที่อยู่ทางขวาของจุดทศนิบยมที่สุด ถ้า "integer_expression" เป็นค่าลบ "numeric_expression" จะถูกปัดเป็นค่าสัมบูรณืที่ใกล้เคียงกับ "integer_expression" ตำแหน่งทางขวาของจุดทศนิยม การปัดเศษจะเกิดขึ้นก่อนการใช้การจัดรูปแบบข้อมูล ตัวอย่าง: round ( 125 , -1 ) ผลลัพธ์: ส่งคืน 130 soundex ( string_expression ) ส่งคืนสตริงอักขระที่มีการออกเสียงที่แทน "string_expression" {user} { user } ส่งคืนชื่อผู้ใช้ของผู้ใช้ Oracle ปัจจุบัน replace ( string_expression1 , string_expression2 [ , string_expression3 ] ) แทนที่ "string_expression2" ทั้งหมดที่ปรากฏใน "string_expression1" ด้วย "string_expression3" ถ้าไม่ได้ระบุ "string_expression3" ดังนั้นจะลบ "string_expression2" ที่ปรากฏทั้งหมด reverse ( string_expression ) กลับลำดับของอักขระใน "string_expression" rpad ( string_expression1 , integer_expression [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่ต่อกับความยาว "integer_expression" ที่มี "string_expression2" ปรากฏอยู่ ถ้า "string_expression1" ยาวกว่า "integer_expression" จะส่งคืนส่วนของ "string_expression1" ที่เหมาะสม ถ้าไม่ได้ระบุ "string_expression2" ดังนั้น "string_expression2" ที่ปรากฏจะถูกแทนด้วยช่องว่าง rtrim ( string_expression1 [ , string_expression2 ] ) ส่งคืน "string_expression1" ที่ลบอักขระสุดท้ายหลังจากอักขระตัวสุดท้ายที่ไม่อยู่ใน "string_expression2" ถ้าไม่ได้ระบุ "string_expression2" อักขระช่องว่างตัวสุดท้ายจะถูกลบออก ตัวอย่าง: rtrim ( 'ABxXxyx' , 'xy' ) ผลลัพธ์: ส่งคืน 'ABxX' sign ( numeric_expression ) ส่งคืนตัวบ่งชี้ของเครื่องหมายของ "numeric_expression", +1 ถ้าเป็นบวก 0 ถ้าเป็นศูนย์ หรือ -1 ถ้าเป็นลบ substr ( string_expression , integer_expression1 [ , integer_expression2 ] ) ส่งคืนสตริงย่อยของ "string_expression" ที่เริ่มต้นที่ตำแหน่ง "integer_expression1" สำหรับ "integer_expression2" อักขระหรือถึงท้ายของ "string_expression" ถ้าตัด "integer_expression2" ออก อักขระแรกใน "string_expression" อยู่ม่ตำแหน่ง 1 ตัวอย่าง: substr ( [Sales (query)].[Sales staff].[Position code], 3 , 5 ) ผลลัพธ์: ส่งคืนอักขระ 3 ถึง 7 ของรหัสตำแหน่ง substrb ( string_expression , numeric_expression1 [ , numeric_expression2 ] ) ส่งคืนสตริงย่อยของ "string_expression" ที่เริ่มต้นที่ตำแหน่ง "numeric_expression1" และสิ้นสุดหลังจาก "numeric_expression2" ไบต์ ไบต์แรกใน "string_expression" อยู่ที่ตำแหน่ง 1 ถ้าคุณตัด "numeric_expression2" ออก จะส่งคืนสตริงย่อยของ "string_expression" ที่เริ่มต้นที่ตำแหน่ง "numeric_expression1" และสิ้นสุดที่ท้ายของ "string_expression" ตัวอย่าง: substrb ( [Sales (query)].[Sales staff].[Position code], 3 , 5 ) ผลลัพธ์: ส่งคืนอักขระ 3 ถึง 7 ของรหัสตำแหน่ง {sysdate} { sysdate } ส่งคืนค่าวันที่เวลาที่แทนวันที่และเวลาปัจจุบันของคอมพิวเตอร์ที่รันซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล to_char ( expression1 [ , string_expression2 [ , string_expression3 ] ] ) ส่งคืนการแทนค่าสตริง "expression1" ด้วยรูปแบบ "string_expression2" "Expression1" สามารถเป็นค่าวันที่หรือค่าตัวเลข "String_expression3" ระบุอิลิเมนต์รูปแบบ เช่น ภาษา to_date ( expression1 [ , string_expression2 [ , string_expression3 ] ] ) แปลง "expression1" เป็นค่า datetime ตามที่ระบุโดยรูปแบบ "string_expression2" อาร์กิวเมนต์แรก "expression1" อาจเป็นชนิดสตริงหรือตัวเลข "String_expression3" ระบุอิลิเมนต์รูปแบบ เช่น ภาษา to_date ( '2013-02-27 15:13:14' , 'YYYY-MM-DD HH24:MI:SS' ) ผลลัพธ์: ส่งคืน datetime ที่มีค่า '2013-02-27 15:13:14' to_date ( '2013-02-27 15:13:14' , 'YYYY-MM-DD HH24:MI:SS' , 'NLS_DATE_LANGUAGE = American' ) ผลลัพธ์: ส่งคืน datetime ที่มีค่า '2013-02-27 15:13:14' to_number ( string_expression1 , string_expression2 , string_expression3 ) แปลง "string_expression1" เป็นค่าตัวเลขตามที่ระบุโดยรูปแบบ "string_expression2" "String_expression3" ระบุอิลิเมนต์รูปแบบ เช่น ข้อมูลสกุลเงิน translate ( string_expression1 , string_expression2 , string_expression3 ) ส่งคืน "string_expression1" ที่มีอักขระแต่ละตัวที่ปรากฏใน "string_expression2" ทั้งหมดที่แทนที่โดยอักขระที่สอดคล้องใน "string_expression3" trunc ( date_expression , string_expression ) ตัดทอน "date_expression" โดยใช้รูปแบบที่ระบุโดย "string_expression" เช่น ถ้า "string_expression" เป็น 'year' ดังนั้น "date_expression" จะถูกตัดทอนเป็นวันแรกของปี ตัวอย่าง: trunc ( 2003-08-22 , 'year' ) ผลลัพธ์: ส่งคืน 2003-01-01 trunc ( numeric_expression1 , numeric_expression2 ) ตัดทอนหลักจาก "numeric_expression1" โดยใช้ "numeric_expression2" เป็นความแม่นยำ vsize vsize ( expression ) ส่งคืนจำนวนไบต์ของการแทน "expression" ภายใน "Expression" ต้องเป็นนิพจน์สตริง